วิธีการใช้ MACD

วิธีการใช้ MACD

การใช้ MACD
Moving Average Convergence Divergence (MACD) เป็นเครื่องมีที่ได้รับความนิยม ซึ่งอาจใช้ประกอบกับเครื่องมืออื่นๆ วิธีใช้เครื่องมือใน mt4 อย่างละเอียด
เป็นเครื่องมือวัดความแรงของตลาด ซึ่งได้คำนวณค่าจากเส้นการเคลื่อนที่ของราคา 2เส้นMACD ประกอบด้วย 3 ส่วนหลักๆ คือ เส้น Moving Average  , Signal Line , และ Histogram  ดังรูปด้านล่าง
จากรูปด้านบน  EUR/USD 4 Hours กราฟแบบแท่งเทียน(Candlestick)
เส้นสีแดงเป็น Signal Line
เส้นสีน้ำเงินเป็นเส้น Moving Average
ส่วนสีเงินเป็น Histogram ฺBar
MACD จะ แบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ ด้านบนและด้านล่าง โดยมีเส้น Zero Line กลั้นอยู่ โดยด้านบนเราจะเรียกว่า แดนบวก( Bullish zone) และด้านล่างจะเรียกว่า แดนลบ (Bearish Zone)
พิจาณารปด้านบน
จากหมายเลข 1 เราจะเห็นว่า เส้น Moving Average สีน้ำเงิน ตัดกับเส้น Signal Line สีแดง เมื่อ ตัดผ่าน เราก็เข้าซื้อ (Buy/Long) กันได้เลย เมื่อเข้าแล้ว ถ้าราคาเป็นไปตามที่เราคาดการณ์ไว้ตั้งแต่ต้นก็ปล่อยไปเรื่อยๆ หรืออาจจตั้งเป้าหมายเอาไว้ ขึ้นอยู่กับความพอใจของทุกท่านว่าจะเอาเท่าไร  เราจะปิดก็ต่อเมื่อเส้นสีน้ำเงิน ตัดกับ เ้ส้นสีแดงอีกครั้ง เราก็ทำการปิดออเดอร์ดังรูปหมายเลข 2 จากนั้น ก็รอหาจังหวะในการเข้าทำกำไรใหม่อีกครั้ง จะเห็นว่า หมายเลข2 เป็นสัญญาณขาย ( Sell/ Short) เราก็เซลเมื่อเส้นสีน้ำเงินตัดกับสีแดง และรอปิดเมื่อเส้นสีน้ำเงินตัดสีแดงอีกครั้ง เราจะเห็นว่าช่วงที่ 2- 3 ไม่น่าเปิดออเดอร์
ต่อไป เรามาทำการพิจารณา Histogram ในช่วงหมายเลข 2 ถึง หมายเลข 3 จะพบว่า Histogram(สีเงิน) ทำยอดคลื่นต่ำลงเรื่อยๆ นั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกว่า ราคาในขาขึ้นเริ่มหมดแรงแล้ว ในภาษาทางเทคนิค เรียกกันว่า Divergence ราคายังเป็นขาขึ้นอยู่ แต่ Macd-Histogram เริ่มปรับตัวลง เราก็เริ่มมองหาสัญญาณขาย( Sell/Short) กันได้เลย ดังหมายเลข 3  สีน้ำเงินตัดกับสีแดง สัญญาณConfirm ว่าให้ Sell คือหมายเลข 7  ตำแหน่งนี้เป็นการบ่งบอกที่ชัดเจนมากเพราะเส้นสีน้ำเงินและ Histogram ตัดกับ Zero Line ซึ่งหมายความว่าตลาดได้เข้าสู่สภาวะกระทิง (ฺำBearish Market) ตลาดขาลง เมื่อเรา Sell แล้วก็ปล่อยให้ราคาวิ่งไปเรื่อย  เมื่อเส้นสีน้ำเงินตัดเส้นสีแดงอีกครั้งเราก็ทำการปิดออเดอร์ และรอจังหวะ เพื่อ ที่จะซื้อกลับอีกรอบ
ต่อไปเรามาพิจารณาหมายเลข  4 และหมายเลข 5  จะดังเกตว่า Histogram ทำการปรับตัวขึ้นเรื่อยๆ ในขณที่ราคาด้านบนก็ยังมีการปรับตัวลง นี่คือ Divergence bullish เราจะเห็นว่า สันคลื่นของหมายเลข 5 สูงกว่า หมายเลข 4 นั่นหมายความว่า ราคาจะเกิดการกลับตัวในไม่ช้า  เราจะรู้ได้ไงว่าราคาปรับตัวขึ้นอีกครั้ง เราก็ดูการตัดกันของเส้นสีน้ำเงินตัดกับสีแดงเหมือนเดิม ถ้าสีน้ำเงินตัดสีแดงขึ้น ก็ทำการ ซื้อ Buy กันได้เลย เมื่อเราได้ทำการซื้อ ฺBuy ในหมายเลข 5 สัญญาณ คอนเฟริม ก็คือ เส้นสีน้ำเงินและ Histogram ได้ตัดเส้น Zero  Line  ขึ้นไป(หมายเลข 6 )  หมายเลข 6 จะเป็นตำแหน่งซื้อ Buy ที่ปลอดภัย เพราะตลาดได้เข้าสู่สภาวะขาขึ้น ( Bullish Market) นักลงทุนบางคนจะรอเข้า แค่ตรงนี้เพราะพวกเขาถือว่า เปิดออเดอร์ในราคาที่ปลอดภัยดีกว่าเิปิดออเดอร์ในราคาที่สวย
เราจะเห็นว่า  MACD จะวิ่งเป็นรอบ ขึ้น  ลง  ขึ้น MACD ให้สัญญาณช้า แต่ว่ามีความแม่นตรงค่อนข้างสูง มันจึงถูกยกย่องให้เป็น อินดิเคเตอร์เทพ แห่งฟอเร็กซ์
การดู MACD นั้น ไม่ยาก แค่ดูการตัดกันไปตัดกันมา ของเส้นสีน้ำเงินและสีแดง และ ดูว่าเส้นสีน้ำเงินและ Histogram ตัดผ่าน Zero Line เพียงแค่นี้เราก็สามารถทำกำไรจาก ตลาด ฟอเร็กได้แน่นอน
รูปตัวอย่างการเทรดโดยใช้ MACD อย่างเดียว

Divergence Bulish คือ ราคาทำราคาต่ำสุดใหม่ เมื่อเทียบกับยอดเก่า แต่ Indicator ทำยอดสูงขึ้นเรื่อยๆ
Divergence Bearish คือ ราคาทำราคาสูงสุดใหม่ เมื่อเทียบกับยอดเดิม แต่ Indicator ทำ ยอดต่ำลงมาเรื่อยๆ
Side way คือ ราคาิวิ่งไปวิ่งมา ในกรอบราคาแคบๆ ไม่มีเทรนที่ชัดเจน ช่วงนี้ ไม่น่าเทรด เพราะอาจจะทำให้เราผิดพลาดได้
เปิดบัญชีเทรดฟอเร็ก
MACDวิธีการใช้ macd